หากรู้สึกว่าใบหน้าไม่ค่อยเข้ารูป อยากมีกรอบหน้าที่เรียวชัดขึ้นแบบเร่งด่วน การฉีดโบท็อกซ์ลิฟหน้า และ การฉีดโบท็อกซ์กราม ถือเป็นตัวช่วยแรก ๆ ที่แพทย์มักจะแนะนำค่ะ เพราะสามารถเห็นผลได้ใน 1-2 สัปดาห์ ช่วยให้กรอบหน้าชัดหน้าดูเรียวขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว และปลอดภัยเมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ
สำหรับใครที่สงสัยว่า การฉีดโบท็อกซ์ลิฟหน้า คืออะไร ? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง มีเทคนิคการฉีดที่แตกต่างจากโบท็อกซ์กรามอย่างไร มีข้อดี-ข้อควรระวังอะไรบ้าง กี่วันเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน ควรใช้กี่ยูนิต ฉีดที่ไหนดี ? สามารถหาคำตอบได้ในบทความนี้เลยค่ะ
โบท็อกซ์ลิฟหน้า คืออะไร ?
โบท็อกซ์ลิฟหน้า คือ การฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ ( Botulinum toxin type A) เข้าไปที่ผิวชั้นตื้นบริเวณแนวกรอบหน้า และลำคอ ให้มีลักษณะเกิดขึ้นเป็นตุ่ม ๆ เหมือนกับจุดไข่ปลา เมื่อฉีดไปแล้วโบท็อกจะไปออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) มีผลให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราว ทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยยกกระชับขึ้น ช่วยให้กรอบหน้าชัด เสริมใบหน้าให้ดูมีมิติมากขึ้น
เทคนิคการฉีดโบท็อกซ์ลิฟหน้า มีกี่แบบ ?
เทคนิคพิเศษในการฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้าจะมีอยู่ 2 เเบบ คือ
- เทคนิค Dermolift
เป็นเทคนิคการฉีดโบท็อกซ์ลิฟหน้าของเกาหลี โดยฉีดโบท็อกซ์เข้าไปที่ผิวชั้นตื้น ๆ ตามเเนวกรอบหน้าขึ้นไปหาหนังศรีษะด้านบน ทำให้เกิดฤทธิ์ของ dermotoxin เกิดการหดตัวของผิวหนังบริเวณกรอบหน้า ส่งผลให้ผิวหน้าเกิดการยกกระชับขึ้น ดูมีมิติขึ้น รวมถึงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ตามแนวกรอบหน้า
- เทคนิค Nefertiti lift
เป็นเทคนิคการฉีดโบท็อกซ์ลิฟหน้าจากอเมริกา ได้แรงบันดาลใจมาจากราชินีอียิปต์ “ พระนางเนเฟอร์ติติ (Nefertiti) ” ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นสตรีที่มีคางเรียวและลำคอสวยที่สุด โดยเทคนิคนี้จะฉีดโบท็อกไปที่กล้ามเนื้อ Platysma บริเวณลำคอ ซึ่งกล้ามเนื้อส่วนนี้ เป็นกล้ามเนื้อที่ดึงผิวลงทำให้เกิดความหย่อนคล้อย เช่น คอห้อย คอย่น
แต่เมื่อฉีดโบท็อกที่มีคุณสมบัติสามารถคลายกล้ามเนื้อไปที่กล้ามเนื้อส่วนนี้ จะส่งผลให้กล้ามเนื้อมัดนี้อ่อนแรงลง ไม่ดึงให้ผิวหย่อนลง และส่วนกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ดึงผิวขึ้น มีแรงมากกว่า ทำให้หน้ายกกระชับขึ้น แก้มไม่หย่อนคล้อย มุมปากที่ตกห้อยจะยกสูงขึ้น ใบหน้าดูเรียว และดูสดใสอ่อนเยาว์มากขึ้น
รีวิวโบท็อกซ์ลิฟหน้า ก่อนและหลังทำ
โบท็อกซ์ลิฟหน้า แตกต่างจาก โบท็อกซ์ลดกรามไหม ?
หลายคนมักสงสัยว่า โบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า กับ โบท็อกซ์กราม แตกต่างกันไหม ? ความจริงแล้วมีความแตกต่างกัน ตามบริเวณที่ฉีดและชั้นผิวที่ฉีด ดังนี้
- โบท็อกซ์ลิฟหน้า คือ เทคนิคการฉีดในผิวชั้นตื้นบริเวณกรอบหน้า เเละลำคอ โดยจะฉีดไปที่กล้ามเนื้อ Platysma ทำให้ผิวหนังถูกดึงขึ้น หน้าและช่วงคอดูเรียว ทำให้มีกรอบหน้า
- โบท็อกซ์ลดกราม คือ เทคนิคการฉีดในผิวชั้นลึกไปยังกล้ามเนื้อบริเวณกรามโดยเฉพาะ เพื่อทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว อ่อนแรง หดเล็กลง ส่งผลให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น แก้ปัญหาหน้าบาน ที่มีสาเหตุมาจากกรามใหญ่
ดังนั้น หากฉีด โบท็อกซ์ลิฟหน้า ร่วมกับ โบท็อกซ์กราม จะทำให้เห็นผลลัพธ์ “หน้าเรียว วีเชฟมากยิ่งขึ้น”
การฉีดโบท็อกซ์ลิฟหน้า มีข้อดี-ข้อควรระวังอย่างไรบ้าง ?
ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์ลิฟหน้า
- ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ทำให้หน้าเล็กลงได้
- ช่วยให้ผิวบริเวณรอบ ๆ กรอบหน้ายกกระชับขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด
- ช่วยให้กรอบหน้าชัด jaw line ดูคมยิ่งขึ้น
- ช่วยลดเหนียง ในบางเคสที่มีเหนียงด้านข้างเยอะ
- หากฉีดโบท็อกซ์ลิฟหน้า ร่วมกับโบท็อกซ์ลดกราม จะช่วยเสริมกันทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เป็นอันตราย สามารถฉีดซ้ำได้
- เห็นผลลัพธ์ได้เร็ว ไม่ต้องรอนาน หลังฉีดสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- มีราคาที่คุ้มค่า สมเหตุสมผล
ข้อควรระวังของการฉีดโบท็อกซ์ลิฟหน้า
- การฉีดโบท็อกซ์ลิฟหน้าควรฉีดในตำแหน่งจุดฉีดที่เเม่นยำ หากเจอหมอที่ไม่มีความชำนาญ ฉีดผิดจุด อาจทำให้หน้าเบี้ยว หน้าแข็งได้
- หากฉีดโบท็อกปลอม เสี่ยงต่อการเเพ้ และไม่เห็นผลลัพธ์ ทำให้ต้องไปฉีดบ่อย ๆ ซึ่งอาจทำให้มีโอกาสดื้อโบท็อกในอนาคต ถึงเเม้จะใช้โบท็อกเเท้
- ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่ถาวร ต้องกลับมาฉีดเรื่อย ๆ เพื่อรักษาผลลัพธ์ไว้
โบท็อกซ์ลิฟหน้า กี่วันเห็นผล ?
หลังฉีดโบท็อกซ์ลิฟหน้า จะเริ่มเห็นผลภายในวันที่ 3-4 และภายใน 2 สัปดาห์ จึงจะเห็นผลชัดเจนเต็มที่ ว่าผิวบริเวณกรอบหน้าจะตึงกระชับขึ้น กรอบหน้าดูคมชัดมากขึ้น
โบท็อกซ์ลิฟหน้า อยู่ได้นานแค่ไหน ?
โบท็อกซ์ลิฟหน้าอยู่ได้นานแค่ไหนนั้น จะขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก ๆ คือ
เทคนิคที่ฉีด
- หากฉีดโบท็อกซ์ลิฟหน้าด้วยเทคนิค Dermolift ผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 1-2 เดือน
- หากฉีดโบท็อกซ์ลิฟหน้าด้วยเทคนิค Nefertiti lift ผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 3-4 เดือน
2. ยี่ห้อโบท็อกที่เลือกใช้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ เช่น
- โบท็อกยี่ห้อ Allergan อเมริกา อยู่ได้นาน 5-6 เดือน
- โบท็อกยี่ห้อ Dysport อังกฤษ อยู่ได้นาน 5-6 เดือน
- โบท็อกยี่ห้อ Xeomin เยอรมัน อยู่ได้นาน 5-6 เดือน
- โบท็อกยี่ห้อ Nabota และ Aestox เกาหลี อยู่ได้นาน 5-6 เดือน
3. วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์ลิฟหน้า
หลังฉีดโบท็อกซ์ลิฟหน้า หากมีวิธีดูแลตัวเองที่ดี ก็จะยิ่งทำให้ผลลัพธ์อยู่กับเราได้นานมากขึ้น โดยแนะนำทำตาม ข้อห้าม-ข้อปฏิบัติ ดังนี้
- หลังฉีดโบท็อกทันที ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง เพื่อให้โบท็อกถูกเซลล์ประสาทดูดเข้าไปให้มากที่สุด เหลือส่วนที่จะปลิวไปน้อยที่สุด
- งดนอนราบ 3-4 ชั่วโมง รวมทั้งงดการก้มหัวลงต่ำกว่าระดับหัวใจ เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนมาที่หน้าเยอะขึ้น โบท็อกจะปลิวไปเยอะขึ้น
- ในงานวิจัยพบว่าการกินแร่ธาตุ zinc 50 mg ก่อนและหลังการฉีดโบท็อก จะช่วยให้โบท็อกออกฤทธ์ไว และอยู่ได้นานขึ้น
- งดการทำซาวหน้า โยคะร้อน การทำเลเซอร์ 2 สัปดาห์
- ไม่นวดหน้า หรือกดบริเวณที่ฉีดโบท็อก
- งดดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ 2 สัปดาห์ (หากทำไม่ได้ก็ขออย่างน้อย 48 ชม.หลังฉีด)
โบท็อกซ์ลิฟหน้า ใช้กี่ยูนิต ?
โดยปกติแล้ว โบท็อกซ์ลิฟหน้าจะใช้ประมาณ 50-100 Unit ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ตามปัญหาและความต้องการของแต่ละบุคคล ซึ่งโบท็อกซ์ลิฟหน้าเป็นเทคนิคที่เหมาะกับคนทุกช่วงอายุ สามารถทำได้ทุกเพศ ทุกวัย
โบท็อกซ์ลิฟหน้า ที่ไหนดี ?
ก่อนฉีดโบท็อกซ์ลิฟหน้าที่ไหนดี ? ควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- มีรีวิวที่น่าเชื่อถือจากผู้ใช้บริการจริง
- ราคามีความสมเหตุสมผล ไม่ถูกหรือแพง แตกต่างจากคลินิกอื่น ๆ มากเกินไป
- พิจารณาจากเคสรีวิวของแพทย์แต่ละคน
- มีการนัดติดตามผลการรักษา Follow Up อย่างต่อเนื่อง
- ก่อนฉีดโบท็อก แพทย์มีการแกะกล่องและเปิดขวดใหม่ ผสมตัวยาให้ดูต่อหน้าทุกครั้ง เพื่อมั่นใจได้ว่าเป็น botox แท้ และอนุญาตให้นำกล่อง botox กลับไปเพื่อเช็คบริษัทที่นำเข้า
สรุป
สำหรับใครที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด หน้าไม่เข้ารูป ต้องการแก้ไขปัญหาและอยากเห็นผลลัพธ์รวดเร็ว แนะนำให้ฉีดโบท็อกซ์ลิฟหน้าร่วมกับฉีดโบท็อกซ์กราม เพราะเป็นการแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
หากฉีด 2 เทคนิคควบคู่กัน ก็จะยิ่งช่วยให้ผิวบริเวณรอบ ๆ กรอบหน้ายกกระชับขึ้น เห็น jaw line ชัดเจนขึ้น โดยสามารถฉีดเติมได้เรื่อย ๆ ไม่ทิ้งสารตกค้าง รวมทั้งมีความปลอดภัย หากเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง และเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน