การฉีดโบท็อกลดริ้วรอย เป็นวิธีการแก้ปัญหาริ้วรอยที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า สามารถเกิดขึ้นได้ทุกคน เพราะต้นเหตุสำคัญมากจากอายุที่มากขึ้น การขยับหรือแสดงอารมณ์ ทางสีหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเลี่ยงไม่ได้ แม้จะพยายามดูแลตัวเองด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือทำทรีทเมนต์หน้าก็ตาม
ใครที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกลดริ้วรอยบนใบหน้า แต่ไม่รู้จะเริ่มหาข้อมูลจากไหนดี เราได้รวบรวมข้อมูลที่ควรรู้ มาไว้ในบทความ ทั้งตำแหน่งการฉีด ราคา การเลือกยี่ห้อ รวมถึงการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน
ฉีดโบท็อกลดริ้วรอย คืออะไร ?
ฉีดโบท็อกลดริ้วรอย คือ การฉีดโบท็อก (Botox) หรือสารโบทูลินัม ท็อกซิน ชนิดเอ (Botulinum Toxin A) ซึ่งเป็นสารสกัดจากแบคทีเรียชื่อ คลอสตริเดียม โบลูทินัม (Clostridium botulinum) มีคุณสมบัติออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ เมื่อแพทย์นำมาฉีดบนผิวหนังบนบริเวณใบหน้า จะสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้าได้ อย่างรวดเร็ว และยังช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้อีกด้วย
ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า เกิดจากสาเหตุใด ?
สาเหตุหลักของการเกิดริ้วรอยบนใบหน้านอกจากอายุที่เพิ่มขึ้น และการขยับการแสดงสีหน้าแล้วยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เป้นตัวกระตุ้นทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายและเร็วขึ้น เช่น
- ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ขาดความแข็งแรง จึงเกิดรอยพับ และริ้วรอยได้ง่าย
- การดเผชิญกับแสงแดด มลภาวะ บ่อย ๆ ซึ่งเป็นการทำร้ายผิวจากภายนอก
- หากมีการพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ผิวฟื้นฟูช้า ผิวอ่อนแอลง
- ผู้ที่สูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ ทำลายคอลลาเจนในผิว
รู้จักการทำงานของโบท็อก ลดริ้วรอยได้อย่างไร ?
ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าที่พบได้บ่อย ๆ คือ ริ้วรอยตีนกา รอยย่นระหว่างคิ้ว รอยย่นบริเวณหางตา และหน้าผาก ล้วนเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อบนใบหน้า ด้วยกลไกการทำงานของโบท็อก Botulinum toxin A เมื่อฉีดเข้าไปไปยังบริเวณที่มีริ้วรอย จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (neurotoxin) ทำให้กล้ามเนื้อที่หดตัวคลายตัวลง จากริ้วรอยเหี่ยวย่นที่มีจะถูกคลี่ออก
ดังนั้นเมื่อมีการขยับและการแสดงสีหน้า ก็จะไม่เกิดการพับของผิว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาริ้วรอย จึงแก้ปัญหาริ้วรอยได้อย่างเห็นผล โดยเฉพาะริ้วรอยตื้น ๆ แต่หากเป็นริ้วรอยลึก การแก้ไขที่ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน อาจจะต้องฉีดโบท็อกรวมกับการฉีดฟิลเลอร์หนุนในชั้นผิว เพื่อแก้ปัญหาได้ดีขึ้น
โบท็อกลดริ้วรอย ฉีดจุดไหนได้บ้าง ?
บนใบหน้าของเรา สามารถเกิดริ้วรอยได้ ซึ่งสามารถฉีดโบท็อกลดริ้วรอยได้ทั่วหน้า แต่หากแยกเป็นจุดที่เห็นริ้วรอยได้ชัด จะมีการแบ่งดังนี้
- โบท็อกลดริ้วรอยรอบใต้ตา : บริเวณใต้ตาเป็นจุดที่เกิดริ้วรอยได้ง่าย ซึ่งเป็นส่วนที่เกิดริ้วรอยได้ง่าย ทั้งริ้วรอยรอบดวงตา รอยตีนกา ริ้วรอยหางตา ที่ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนล้า ไม่สดใส แต่การฉีดในจุดนี้ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ผู้ฉีด เพราะหากฉีด โบท็อกลดริ้วรอยรอบดวงตามากเกินไป อาจทำให้ตาแข็ง ดูไม่เป็นธรรมชาติได้
- โบท็อกลดริ้วรอยร่องแก้ม : สำหรับริ้วรอยบริเวณแก้ม เป็นอีกจุดที่สามารถฉีดโบท็อกแก้ไขได้ แต่เหมาะกับริ้วรอยตื้น ๆ เท่านั้น สามารถช่วยทำให้ริ้วรอยดูจางลง และช่วยกระชับแก้ม แต่หากใครมีริ้วรอยลึกมาก ๆ ต้องเปลี่ยนมาใช้ฟิลเลอร์ร่องแก้มแทน ถึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด
- โบท็อกลดริ้วรอยหน้าผาก :บริเวณหน้าผากมักเกิดปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ จากการแสดงสีหน้า หากทำบ่อย ๆ นานวันเข้าริ้วรอยก็จะลึกขึ้นทำให้เห็นริ้วรอยชัดเจน โดยการฉีดโบท็อกหน้าผากจะช่วยลดริ้วรอยบริเวณนี้ได้
- โบท็อกลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว : ริ้วรอยบริเวณระหว่างคิ้ว เกิดขึ้นได้ง่ายเช่นกัน โดยเฉพาะคนที่ชอบขมวดคิ้ว เมื่อมีริ้วรอยชัดเจนขึ้นจะทำให้ใบหน้าดูดุ ไม่สดใส และดูแก่กว่าวัย การฉีดโบท็อกริ้วรอยระหว่างคิ้ว จะช่วยยับยั้งการหดตัวและทำให้ผิวหนังส่วนบนเรียบขึ้น แต่ก็ต้องระมัดระวังเนื่องจากบริเวณนี้ มีเส้นประสาทจำนวนมาก ต้องฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น
ทั้งนี้การโบท็อกสามารถฉีดได้ตั้งแต่เริ่มมีริ้วรอยน้อย ๆ เมื่อผิวเราไม่เกิดการพับบ่อย ๆ ก็จะช่วยลดโอกาสเกิดริ้วรอยในอนาคตได้
ฉีดโบท็อกลดริ้วรอยกี่วันเห็นผล ?
โดยทั่วไปหลังการฉีดโบท็อกลดริ้วรอย ตัวยาจะเริ่มออกฤทธิ์ต่อการขยับของกล้ามเนื้อ และเห็นผลในช่วง 3-7 วัน และเห็นผลเต็มที่ใน 14 วัน โดยแต่จุดจะมีการออกฤทธิ์ต่างกันเล็กน้อย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกที่เลือกใช้ด้วย
ฉีดโบท็อกลดริ้วรอยใช้กี่ยูนิต ยี่ห้อไหนดี ?
สำหรับการฉีดโบลดริ้วรอยส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่ 25 U โดยปริมาณการใช้ จะพิจารณาจากจุดที่ฉีดและปัญหาบนใบหน้า ร่วมกับยี่ห้อที่เลือกใช้ โดยหมอจะเป็นผู้ประเมินว่าแต่ละคนควรใช้กี่ยูนิตจึงจะเหมาะสม ดูเป็นธรรมชาติ
ส่วนจะเลือกใช้ยี่ห้อไหนดี เบื้องต้นควรเลือกโบท็อกแท้ ที่ตรวจเช็คได้ ซึ่งปัจจุบันมีหลายยี่ห้อให้เลือก ทั้งจากฝั่งยุโรป อเมริกา และเกาหลี ซึ่งแต่ละตัวจะมีคุณสมบัติและจุดเด่นแตกต่างกัน และราคาที่แตกต่างกันด้วย ตัวอย่างเช่น
- โบท็อกอเมริกา Botox Allergan
- โบท็อกเกาหลี Nabota และ Aestox
- โบท็อกอังกฤษ Dysport
- โบท็อกซ์เยอรมัน xeomin
หากพูดถึงจุดเด่นแต่ละยี่ห้อ โบท็อกอเมริกา เป็นโบท็อกต้นแบบ ที่มีความบริสุทธิ์สูง อยู่ได้นาน และราคาสูง มีความเสี่ยงในการดื้อโบท็อกน้อย เป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมสูง ใครที่ไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ อยากได้โบท็อกคุณภาพสูง Botox Allergan ถือเป็นตัวเลือกที่ดี
ส่วนใครต้องการความคุ้มค่า โบท็อกเกาหลี เป็นตัวเลือกที่ดี ราคาที่ไม่แพงมากเมื่อเทียบกับโบท็อกอเมริกา แต่ระยะเวลาออกฤทธิ์สั้นกว่าโบท็อกอเมริกา เฉลี่ยอยู่ที่ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับผิว
ฉีดโบท็อกลดริ้วรอยราคาแพงไหม ?
ในปัจจุบันการฉีดโบท็อก ราคาไม่แพง และมีโปรโมชั่นโบท็อกหลากหลาย แต่ละยี่ห้อมีราคาต่างกันไป โดยโบท็อกเกาหลีราคาโดยเฉลี่ยจะอยู่ 6,000 บาทขึ้นไป 100 ยูนิต ส่วนของ อังกฤษ อเมริกา ราคาจะอยู่ที่หลักหมื่นขึ้นไป 100 ยูนิต ทั้งนี้ราคาแต่ละคลินิกอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่น ค่ามือหมอ หรือค่าประสบการณ์ในการฉีดของแพทย์
ฉีดโบลดริ้วรอยที่ไหนดี ?
เพื่อความปลอดภัย หลังฉีดเห็นผลชัดเจน ไม่เกิดผลข้างเคียง ควรเลือกฉีดกับคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกนั้น ๆ ได้ เลี่ยงการเจอหมอเถื่อน โบท็อกปลอม โดยควรพิจารณาเลือดดังนี้
- คลินิกนั้นต้องได้มาตรฐานตามกระทรวงสาธารณสุข โดยให้สังเกตจากป้ายชื่อสถานพยาบาล เลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก และแสดงใบอนุญาตอย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้ใช้บริการสังเกตได้ง่าย
- แพทย์มีประสบการณ์ด้านการฉีดโบท็อกและปรับรูปหน้า จะช่วยประเมินและแก้ไขปัญหาของคนไข้ได้อย่างตรงจุด และปลอดภัย
- ดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงในแหล่งที่เป็นกลาง น่าเชื่อถือ คลินิกไม่สามารถลบหรือปรับแต่งเองได้
- มีคำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังทำ และนัดติดตามผลทุกเคส
- สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นแพทย์ที่มีใบอนุญาตถูกต้องจากแพทยสภาได้ ที่นี่
สรุป
การฉีดโบท็อกลดริ้วรอย ในปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และราคาไม่แพง สามารถช่วยลดริ้วรอย และชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้เป็นอย่างดี ทำให้ใบหน้าดูสดใส และอ่อนเยาว์ลงได้ โดยมีโบท็อกให้เลือกหลายยี่ห้อ ตามงบประมาณแต่ละบุคคล หากใครต้องการฉีดควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับ1 อย่าเห็นแก่ของถูก หรือเสี่ยงฉีดกับหมอกระเป๋า โบท็อกหิ้วที่ตัวยาเสื่อมคุณภาพ เพราะผลที่ตามมาอาจไม่คุ้มอย่างที่คิด