จัดฟันมีกี่แบบ เลือกแบบที่ใช่สำหรับคุณ สิ่งที่ควรรู้ ! อัพเดตล่าสุด 2565

จัดฟันมีกี่แบบ

ในปัจจุบันมีทางเลือกในการจัดฟันอยู่มากมาย การจัดฟันมีกี่แบบ ? จึงเป็นสิ่งที่ควรรู้ก่อนที่จะตัดสินใจทำการจัดฟัน ว่าแบบไหนคือแบบที่ใช่สำหรับตัวคุณ เพราะการจัดฟันแต่ละแบบมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป

Contents hide

การจัดฟัน (Orthodontic) คืออะไร

ปัญหาการเรียงตัวของฟัน ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาฟันสบกันผิดปกติ ฟันเรียงตัวกันไม่สวย ส่งผลต่อเนื่องไปยังสุขภาพในช่องปาก และบุคลิกภาพที่อาจทำให้คุณขาดความมั่นใจ

การจัดฟัน (Orthodontic) เป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ช่วยให้การเรียงตัวของฟันเป็นระเบียบ สวยงาม เสริมสร้างความมั่นใจให้กับคุณ ปรับบุคลิกภาพให้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้มีสุขอนามัยในช่องปากอีกด้วย

บทความนี้จะพาคุณไปดูกันว่าการจัดฟันมีกี่แบบ และแต่ละแบบนั้นเป็นอย่างไร มีข้อดี ข้อเสีย และมีวิธีการจัดฟันอย่างไร


ประเภทของการจัดฟันมีกี่แบบ

การจัดฟันมีกี่แบบ ? เป็นคำถามคลาสสิคของผู้ที่อยากจะทวงความมั่นใจกลับคืนมา ในปัจจุบันมีตัวเลือกการจัดฟันที่หลากหลาย การจัดฟันมีกี่แบบจึงกลายเป็นคำถามที่ควรรู้เสียก่อน ประเภทการจัดฟันออกเป็น 2 ประเภท คือ การจัดฟันโดยใช้เครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่น และการจัดฟันโดยใช้เครื่องมือแบบถอดได้

1.เครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่น

เป็นการจัดฟันที่ได้รับความนิยมมานาน คุ้นตาใครหลาย ๆ คน มักใช้เครื่องมือที่มีความแข็งแรง คงทน น้ำหนักเบาติดเครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่นไว้กับฟัน ผู้จัดฟันควรจะมีเวลามาพบทันตแพทย์ทุก ๆ 1 – 2 เดือน เพื่อปรับระยะการจัดฟัน ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ปี ขึ้นไป

2. เครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้

เป็นการจัดฟันที่ผู้จัดฟันสามารถถอดเครื่องมือจัดฟันออกได้เองโดยไม่ต้องพบทันตแพทย์ เช่น การจัดฟันแบบใส (Invisalign) สามารถถอดเครื่องมือจัดฟันออกได้เวลารับประทานอาหาร หรือแปรงฟัน ทำให้สามารถรักษาสุขอนามัยในช่องปากได้ดีกว่า ใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน ถึง 2 ปีขึ้นไป


การจัดฟันแบบโลหะ

ดัดฟันมีกี่แบบ
จัดฟันแบบโลหะ

เหล็กดัดฟัน หรือ การจัดฟันแบบโลหะ (Metal Bracket) มักจะเป็นการจัดฟันแบบแรกสำหรับผู้ที่สงสัยว่า การจัดฟันมีกี่แบบจะนึกออก เพราะคนส่วนใหญ่คุ้นหูคุ้นตาเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นวิธีการจัดฟันที่นิยมใช้มาอย่างยาวนาน มีราคาถูก และได้ผลจริง

ทันตแพทย์จะติดเครื่องมือที่ทำจากโลหะเข้าไปกับผิวฟันด้านหน้า เรียกว่า Bracket จากนั้นจึงใส่ลวดเข้าไปร้อย Bracket แล้วใช้ยาง O-Ring ยึดลวด กับ Bracket เข้าด้วยกัน ผู้จัดฟันสามารถเลือกสีของยาง O-Ring ที่มีสีสันสดใสสวยงามได้ตามชอบใจ

ข้อดี ข้อเสีย ของการจัดฟันแบบโลหะ

  • ข้อดี – มีราคาถูก และได้ผลจริง, ดึงดูดสายตาด้วยสีสันของยาง O-Ring ให้คุณได้เพิ่มความมั่นใจแม้อยู่ในระยะของการจัดฟัน, การจัดฟันแบบโลหะสามารถแก้ไขการเรียงตัวของฟันที่มีความซ้อนเกได้ทุกรูปแบบ
  • ข้อเสีย – ต้องพบทันตแพทย์ทุกเดือน เพื่อปรับระยะของการจัดฟัน

ใครที่ควรเลือกจัดฟันแบบโลหะ

การจัดฟันแบบโลหะเหมาะกับนักเรียน นักศึกษา เพราะอยู่ในช่วงราคาที่เข้าถึงได้ นอกจากประโยชน์ของการจัดฟันตามวิสัยปกติแล้ว ยังมีผลพลอยได้กลายเป็นแฟชั่นอย่างหนึ่งตามมา ทั้งยังเหมาะกับผู้ที่มีเวลามาพบทันตแพทย์ได้เป็นประจำ

ขั้นตอนการจัดฟันแบบโลหะ

ขั้นตอนการจัดฟันแบบโลหะ เริ่มจากการนัดพบทันตแพทย์เพื่อจัดทำประวัติ เอ็กซ์เรย์ จัดทำแบบจำลองฟัน เพื่อวางแผนการจัดฟัน เพราะแต่ละคนมีปาก และฟันที่ไม่เหมือนกัน เราอาจปรึกษาทันตแพทย์ได้ว่า จัดฟันมีกี่แบบ ? และช่องปากของเราเหมาะกับการจัดฟันแบบไหน หลังจากนั้นทันตแพทย์ก็จะนัดเพื่อเคลียร์ช่องปาก และติดตั้งเครื่องมือจัดฟันแบบโลหะ

หลังจากนั้นจะต้องมาพบทันตแพทย์เพื่อปรับเครื่องมือจัดฟันทุก ๆ 4 – 6 สัปดาห์ ติดต่อกันเป็นระยะเวลาประมาณ 2 ปี หรือแล้วแต่ทันตแพทย์จะนัด เมื่อถอดเครื่องมือจัดฟันแบบโลหะออกแล้ว จะใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน หรือ รีเทนเนอร์ (Retainer) เพื่อป้องกันการล้มเกหลังการจัดฟัน


การจัดฟันแบบดามอน

จัดฟันมีกี่ประเภท
จัดฟันแบบดามอน

การจัดฟันแบบดามอน (Damon System) เป็นการจัดฟันแบบติดแน่น ช่วยให้ผู้จัดฟันรู้สึกสบายช่องปากมากขึ้น ลดอาการเจ็บที่เกิดขึ้นจากการจัดฟัน โดยไม่ต้องใส่ยาง O-Ring แต่อาศัยระบบที่เรียกว่า Self-ligating brackets ที่เป็นนวัตกรรมเฉพาะทาง ออกแบบพิเศษ พร้อมด้วยลวดชนิดพิเศษที่ช่วยลดระยะเวลาการเรียงตัวของฟันใหม่ แข็งแรง ยืดหยุ่น และบรรเทาอาการระคายเคือง โดยรวมแล้ว การจัดฟันแบบดามอนคือการจัดฟันที่ใช้ระยะเวลาน้อยลง และเจ็บน้อยลงด้วยนั่นเอง

ข้อดี ข้อเสียของการจัดฟันแบบดามอน

  • ข้อดี – มีจุดเด่น 2 ประการคือ ช่วยบรรเทาอาการเจ็บที่เกิดขึ้นได้ระหว่างการจัดฟัน และใช้ระยะเวลาในการจัดฟันที่สั้นกว่าการจัดฟันแบบโลหะ โดยไม่ต้องใช้ยางรัด จึงไม่มีปัญหาเรื่องยางรัดฟันขาด หรือต้องคอยเปลี่ยนยาง
  • ข้อเสีย – มีราคาที่ค่อนข้างแพงกว่าการจัดฟันแบบโลหะ แต่ก็แลกมาด้วยความสะดวกสบาย และระยะเวลาที่สั้นกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ใครที่ควรเลือกจัดฟันแบบดามอน

การจัดฟันแบบดามอน เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวอาการเจ็บระหว่างการจัดฟัน ลดความยุ่งยากของการดูแลอุปกรณ์เครื่องมืดจัดฟัน เป็นทางเลือกของผู้ที่หวั่นใจว่าการดัดฟันนั้นน่ากลัว จึงเรียกได้ว่าเหมาะสมกับทุกเพศ ทุกวัย

ขั้นตอนการจัดฟันแบบดามอน

นัดพบทันตแพทย์เพื่อจัดทำประวัติ เอ็กซ์เรย์ ตรวจประเมิน และวิเคราะห์ช่องปาก เพื่อวางแผนการจัดฟัน แล้วพิมพ์ช่องปาก เตรียมจัดทำอุปกรณ์เครื่องมือจัดฟัน และติดตั้งเครื่องมือดัดฟัน หลังจากนั้นทันตแพทย์จะนัดพบประมาณ 6 – 8 สัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อติดตามการจัดฟัน


การจัดฟันแบบเซรามิก

ลวดดัดฟันมีกี่แบบ
จัดฟันแบบเซรามิก

เป็นการจัดฟันแบบติดแน่นอีกประเภท การจัดฟันแบบเซรามิก (Ceramic Bracket) คล้ายการจัดฟันแบบโลหะ แต่เปลี่ยนวัสดุจากโลหะมาเป็นเซรามิกใส ช่วยซ่อนการจัดฟันไม่ให้เห็นได้ชัดเจน ทันตแพทย์จะติดเครื่องมือที่ทำจากเซรามิกใสเข้าไปกับผิวฟันด้านหน้า ร้อยด้วยลวด แล้วรัดอุปกรณ์กับลวดด้วย ยาง O-Ring อุปกรณ์เซรามิก และยาง O-Ring จะมีสีสันใกล้เคียงกับสีฟัน ทำให้ยากที่คนอื่นจะสังเกตได้ว่าคุณกำลังจัดฟันอยู่

ข้อดี ข้อเสียของการจัดฟันแบบเซรามิก

  • ข้อดี – คิดค้นขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาความเด่นชัดของการจัดฟันแบบโลหะ ทั้งยังดูแลสุขภาพในช่องปากได้ง่ายกว่า ด้วยวัสดุที่เป็นเซรามิกใส่ทำให้โอกาสที่เศษอาหารจะติดฟันมีน้อยกว่าการจัดฟันแบบโลหะ
  • ข้อเสีย – มีราคาแพงกว่าการจัดฟันแบบโลหะ และวัสดุไม่คงทนแข็งแรงเท่ากับการจัดฟันแบบโลหะ ผู้จัดฟันควรต้องระมัดระวังอุบัติเหตุจากการกระแทก และดูแลรักษายากกว่า

ใครที่ควรเลือกจัดฟันแบบเซรามิก

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจัดฟัน แต่ไม่อยากให้คนอื่นทราบ หรือเห็นว่าตนกำลังจัดฟันอย่างเด่นชัด เนื่องจากหน้าที่ บุคลิก หรือผู้ที่ต้องการความมั่นใจในตัวเอง ถือเป็นทางเลือกในวิธีการจัดฟันอีกหนึ่งประเภท

ขั้นตอนการจัดฟันแบบเซรามิก

นัดพบทันตแพทย์เพื่อตรวจวิเคราะห์ ทำประวัติ เอ็กซ์เรย์ ตรวจประเมิน และวางแผนในการจัดฟัน พิมพ์ช่องปากเพื่อจัดทำแบบจำลองฟัน หลังจากนั้นทันตแพทย์จะนัดเพื่อทำการติดตั้งเครื่องมือจัดฟันแบบเซรามิก หลังจากติดตั้งแล้ว ทันตแพทย์จะนัดพบทุก ๆ 1 เดือนเพื่อติดตามการจัดฟัน และเปลี่ยนยาง O-Ring


การจัดฟันแบบใส

การจัดฟันมีกี่แบบ
จัดฟันแบบใส

การจัดฟันแบบใส (Invisalign) เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ทำให้ผู้จัดฟันสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักร้อง นักแสดง และบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ทั้งหลาย สามารถจัดเรียงฟันให้สวย และสามารถถอดอุปกรณ์จัดฟันออกได้เองโดยไม่เป็นอันตราย

การจัดฟันแบบใสใช้คอมพิวเตอร์เข้าช่วยในการคำณวน และวางแผนการจัดฟัน สแกนการจัดเรียงฟัน 3 มิติ แสดงผลลัพธ์ให้เห็นได้ก่อนในคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ยังนำนวัตกรรมด้านวัสดุภัณฑ์มาปรับใช้เข้ากับการดัดฟัน โดยใช้พลาสติกโพลีเมอร์ผิวสัมผัสเรียบ ใสจนแทบมองไม่เห็นว่าคุณกำลังจัดฟันอยู่

ข้อดี ข้อเสียของการจัดฟันแบบใส

  • ข้อดี – สามารถถอดออกได้ด้วยตัวเอง คล่องตัว สะดวกสบาย ไม่สร้างอาการระคายเคืองในช่องปาก และไม่ต้องพบทันตแพทย์บ่อยเท่าการจัดฟันประเภทอื่น
  • ข้อเสีย – การจัดฟันแบบใสมีราคาที่สูงกว่าการจัดฟันประเภทอื่น

ใครที่ควรเลือกจัดฟันแบบใส

เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานโดยใช้หน้าตา และบุคลิกที่ไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นว่าตนกำลังจัดฟันอยู่ รวมทั้งผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาไปพบทันตแพทย์ และเป็นทางเลือกของผู้ที่ต้องการความสะดวก สบายจากการจัดฟัน ทั้งยังไม่มีข้อจำกัดเรื่องเพศ และอายุ

ขั้นตอนการจัดฟันแบบใส

นัดพบทันตแพทย์เพื่อตรวจวิเคราะห์ ทำประวัติ พิมพ์ฟัน ทำชุดฟันจำลองสแกน 3 มิติ เตรียมไว้เป็นข้อมูลสำหรับการวางแผนการจัดฟัน ทันตแพทย์จะจัดส่งข้อมูลไปยังห้องแล็ปที่สหรัฐอเมริกาเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง ออกแบบเครื่องมือจัดฟันแบบใส และส่งตัวชิ้นงานกลับมายังประเทศไทย

การจัดฟันประเภทนี้ ผู้จัดฟันจะต้องใส่เครื่องมือวันละ 20 – 22 ชั่วโมง และเปลี่ยนทุก ๆ 2 สัปดาห์โดยประมาณ สามารถถอดออกได้เวลาแปรงฟัน หรือรับประทานอาหาร ทันตแพทย์จะนัดพบเพื่อติดตามการจัดฟันในอีกประมาณ 2 เดือน


เปรียบเทียบราคาการจัดฟันแต่ละประเภท

จากคำถามแรกที่ว่า การจัดฟันมีกี่แบบ มีคำตอบตัวเลือกที่มากมายสำหรับแต่ละคน มีข้อดี ข้อเสีย และวิธีการจัดฟันที่แตกต่างกันออกไป แต่แน่นอนว่าเมื่อทราบข้อมูลแล้วก็จะนำไปสู่คำถามต่อไปว่า การจัดฟันราคาเท่าไร ?

การจัดฟันแต่ละประเภทมีราคาที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับลักษณะของช่องปาก และฟันของแต่ละคนด้วย รวมทั้งนวัตกรรมที่นำมาใช้ในการจัดฟัน

  • การจัดฟันแบบโลหะ เริ่มต้นที่ประมาณ 35,000 บาท
  • การจัดฟันแบบดามอน เริ่มต้นที่ประมาณ 60,000 บาท
  • การจัดฟันแบบเซรามิก เริ่มต้นที่ประมาณ 60,000 บาท
  • การจัดฟันแบบใส เริ่มต้นที่ประมาณ 60,000 บาท

แต่ละประเภทมี Option เพิ่มเติม รวมทั้งการบริการหลังจากการจัดฟันที่แตกต่างกันออกไป ราคาจริงอาจจะสูง – ต่ำ ขึ้นอยู่กับการบริการของทางคลีนิคด้วย ดังนั้นควรศึกษารายละเอียดการบริการก่อนเข้ารับการจัดฟัน และเราอาจจะปรึกษาทันตแพทย์ได้ว่า จัดฟันมีกี่แบบ ? และแบบไหนคือแบบที่ใช่สำหรับคุณ


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการจัดฟัน

หลังจากผ่านพ้นเรื่องราวว่าการจัดฟันมีกี่แบบไปแล้ว และพอจะประเมินราคาคร่าว ๆ กันไปแล้ว คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับผู้ที่ต้องการจัดฟันนั่นคือ การจัดฟันต้องถอนฟันไหม

จัดฟันต้องถอนฟันไหม ?

โดยปกติแล้วหากคุณไม่ได้มีปัญหาฟันซ้อน หรือฟันเกมาก ๆ หรือมีอาการที่ค่อนข้างรุนแรงอย่างอื่นก็ไม่จำเป็นต้องถอนฟัน หรืออีกกรณีหนึ่งคือไม่มีพื้นที่เหงือกเหลืออยู่ให้จัดฟันเลย ซึ่งก็เป็นโอกาสที่น้อยมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของทันตแพทย์

จัดฟันใช้เวลานานแค่ไหน ?

เช่นกันที่จะขึ้นอยู่กับสภาพของปาก และฟันแต่ละคน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้เวลาประมาณ 2 ปีเป็นอย่างน้อย แต่ไม่ควรจะใจร้อนกับการจัดฟัน เพราะผลของการจัดฟันจะอยู่กับเราไปอีกนาน การจัดฟันเป็นเรื่องที่ต้องให้เวลา

จัดฟันเจ็บไหม ?

เจ็บแต่ไม่ถึงขั้นเจ็บ งงไหม, การจัดฟันแต่ละประเภทเป็นการรั้งฟันให้ไปอยู่ในตำแหน่งที่เราต้องการ ซึ่งเป็นธรรมดาของมนุษย์ที่จะรู้สึกไม่สบายปาก โดยเฉพาะเมื่อมีการปรับลวดจัดฟันใหม่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเจ็บจนทนไม่ไหวหรือน้ำตาไหลพรากตลอดเวลา

เว้นแต่ว่าคุณต้องถอนฟันการจัดฟันซึ่งเป็นอีกกรณีนึง


ข้อสรุป จัดฟันมีกี่แบบ

หลัก ๆ แล้วมีประเภทใหญ่อยู่ 2 ประเภท คือ

1. เครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่น แบ่งเป็น
1.1 การจัดแบบโลหะ
1.2 การจัดฟันแบบดามอน
1.3 การจัดฟันแบบเซรามิก

2. เครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้ แบ่งเป็น
2.1 การจัดฟันแบบใส

แต่ละแบบก็มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันออกไป หลังจากรับทราบข้อมูลว่าการจัดฟันมีกี่แบบไปแล้ว เราอาจจะปรึกษาทันตแพทย์ได้ว่า จัดฟันมีกี่แบบ ? และแบบไหนคือแบบที่เหมาะกับคุณ