เมโสหน้าใส คืออะไร ? แต่ละสูตรแตกต่างกันอย่างไร ? ฉีดสูตรไหนหน้าใสไวสุด ?

เมโสหน้าใส

เมโสหน้าใส

เคยไหม ? ที่ต้องเผชิญปัญหาหน้าเป็นสิว ผิวหมองคล้ำ หน้าเป็นฝ้า กระ มีริ้วรอย ทาครีมบำรุงเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้นเลยสักที หากคุณเคยประสบปัญหาเหล่านี้ก็ไม่ต้องกังวล เพราะสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดเมโสหน้าใส

การฉีดเมโสหน้าใส เป็นทางลัดในการบำรุงผิวที่เห็นผลเร็วทันใจ และได้รับความนิยมในปัจจุบัน สำหรับผู้ที่สนใจอยากทำเมโสหน้าใส บทความนี้จะมาเจาะลึกว่า ฉีดเมโสหน้าใส คืออะไร ? ช่วยอะไรบ้าง ? มีกี่แบบ ? มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ?

เมโสหน้าใส คืออะไร ?

เมโสหน้าใส คือการฉีดวิตามิน สารอาหารที่จำเป็น และแร่ธาตุต่าง ๆ เข้าสู่ผิวหนังชั้นกลางโดยตรง ช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง บำรุงผิวหน้าให้ขาวใส เรียบเนียน ออกฤทธิ์ไวและเห็นผลเร็วกว่าการทาครีมที่ดูดซึมเข้าสู่ผิวชั้นนอกเท่านั้น ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลาในการเห็นผล          

ฉีดเมโสหน้าใส เหมาะกับใคร ?

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ แห้งกร้าน 
  • ผู้ที่หน้ามัน มีหลุมสิว รูขุมขนกว้าง
  • ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวอักเสบ มีผดผื่น
  • ผู้ที่ต้องการปรับให้สีผิวสม่ำเสมอ ขาวใสขึ้น
  • ผู้ที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง
  • ผู้ที่ขี้เกียจทาครีม ต้องการหน้าขาวใสแบบเร่งด่วน
สภาพผิวที่เหมาะกับการทำเมโสหน้าใส

ฉีดเมโสหน้าใส ช่วยอะไร ?

  • ฟื้นฟูผิวจากภาวะผื่นแพ้และสิว
  • ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส
  • ช่วยให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น
  • ลดฝ้า กระ กระชับรูขุมขน
  • เสริมสร้างคอลลาเจน

เมโสหน้าใส มีกี่แบบ ?

เมโสหน้าใส มี 2 แบบ คือ แบบทา และ แบบฉีด โดยแบบทาจะให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกับการทาครีมทั่วไป คือต้องรอให้ตัวยาซึมเข้าสู่ผิว แตกต่างจากแบบฉีดที่เป็นการฉีดสารบำรุงเข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง ซึ่งจะดูดซึมได้เร็วกว่า และเห็นผลลัพธ์ไวกว่าเมโสแบบทา  

เมโสหน้าใส มีกี่สูตร ? แต่ละสูตรแตกต่างกันอย่างไร ?

เมโสหน้าใส มีหลายสูตร หลายยี่ห้อ แต่หลัก  ๆ แบ่งเป็น 3 สูตร ดังนี้

  1. เน้นหน้าขาวใส มีส่วนผสมของวิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยให้ผิวขาว เช่น Vitamin A B C E, Transamin, Glutathione 
  2. เน้นหน้าใส มีส่วนผสมของคอลลาเจน และโคเอนไซม์เป็นหลัก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวฟูขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น  
  3. เน้นลดสิว-แก้ผื่น ยี่ห้อที่มีจุดเด่นด้านนี้คือ มาเด้คอลลาเจน ประกอบด้วยตัวยามาเด้และคอลลาเจน จะเน้นขับสารพิษที่สะสมในผิว ช่วยให้ต่อมไขมันทำงานลดลง ลดการอุดตันและการอักเสบของผิว ลดการเกิดสิวและผดผื่น
สูตรเมโสหน้าใส

เมโสหน้าใส มีเทคนิคการฉีดอย่างไร ?

การฉีดเมโสหน้าใส มี 2 เทคนิค ได้แก่ แบบสะกิด และแบบ 16 จุด ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกัน ดังนี้

การฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิดการฉีดเมโสหน้าใสแบบ 16 จุด
ใช้เข็มฉีดตัวยากระจายตัวเป็นจุดเล็ก ๆ ในผิวชั้นตื้นทั่วทั้งหน้า เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวฉีดตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง 16 จุดทั่วใบหน้า เพื่อให้วิตามินซึมเข้าสู่ผิวได้ดี
ข้อดี คือ เจ็บน้อยกว่าเพราะแค่ใช้เข็มสะกิดเบา ๆ  ข้อดี คือเป็นแผลน้อยกว่า รอยช้ำน้อยกว่า ตัวยาออกฤทธิ์ได้นานกว่า
ข้อเสีย คือ ทิ้งรอยเข็ม อาจเกิดรอยช้ำรอยแดงข้อเสีย คือ อาจรู้สึกถึงรอยเข็มบ้างเล็กน้อย 
เมโสหน้าใสแบบสะกิด
เมโสหน้าใสแบบ 16 จุด

อยากหน้าใสต้องฉีดเมโสสูตรไหน ?

สำหรับผู้ที่อยากหน้าใสแบบเร่งด่วน แนะนำให้ฉีดสูตรที่เน้นหน้าขาวใส ซึ่งมีส่วนผสมของวิตามินและสารต่าง ๆ ที่ช่วยปรับสภาพผิว จะเห็นว่าหน้าใสขึ้นใน 7-14 วันหลังฉีด 

ขั้นตอนการฉีดเมโสหน้าใส

ขั้นตอนการฉีดเมโสหน้าใสนั้นไม่ยุ่งยากและใช้เวลาไม่นานเลย เริ่มจากการปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวหน้าในขั้นแรก หลังจากนั้นหมอจะเลือกสูตรเมโสที่เหมาะกับปัญหาผิวและทำความสะอาดผิวหน้า ก่อนจะเริ่มฉีดตามจุดต่าง ๆ ระหว่างนั้นหมอก็จะประคบน้ำแข็งไปด้วยเพื่อไม่ให้คนไข้รู้สึกเจ็บเวลาฉีด  

ฉีดเมโสหน้าใส เจ็บไหม ?

ฉีดเมโสหน้าใส ไม่ได้เจ็บอย่างที่คิด โดยทั่วไปแล้วจะเจ็บอยู่ในระดับที่ทนได้ เพราะการทำเมโสจะแทงเข็มที่เล็กมาก ๆ ลงในชั้นผิวลึกเพียงแค่ 5-10 มิลลิเมตรเท่านั้น อาจรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ผิวบ้างเล็กน้อย แต่จะหายไปเอง 10-20 นาที และไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา 

ฉีดเมโสหน้าใส อันตรายไหม ?

การฉีดเมโสหน้าใส ไม่เป็นอันตราย หากฉีดด้วยตัวยาแท้ที่ได้มาตรฐาน เนื่องจากสารที่ฉีดเข้าไปนั้นล้วนเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อผิว จึงเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง      

ฉีดเมโสหน้าใส มีผลข้างเคียงไหม ?

ฉีดเมโสหน้าใสนั้นหากฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน จะไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย จะมีก็เพียงแต่รอยแดงหรือรอยช้ำจากเข็มเล็กน้อยในจุดที่ฉีด ซึ่งหายไปได้เองใน 2-3 วัน สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้น 

ส่วนผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย เช่น มีผื่นแดง เกิดการอักเสบ ติดเชื้อนั้น ส่วนใหญ่มักมาจากการใช้ตัวยาเมโสปลอมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์หรือฮอร์โมน และขั้นตอนการฉีดไม่สะอาดเพียงพอ ดังนั้นก่อนตัดสินใจฉีดเมโสหน้าใสควรเลือกคลิกนิกที่สะอาด น่าเชื่อถือ ให้บริการโดยแพทย์มากประสบการณ์และฉีดด้วยตัวยาแท้ เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัย

ผลข้างเคียงจากเมโสปลอม
อาการอักเสบเป็นผื่นแดงจากการแพ้สเตียรอยด์ในเมโสปลอม

เมโสหน้าใส ต้องฉีดกี่ครั้ง ?

เมโสหน้าใส ควรฉีดสัปดาห์ละ 1 ครั้งในเดือนแรก ต่อเนื่องกัน 4-5 สัปดาห์ หลังจากนั้นควรฉีดทุก ๆ 2 สัปดาห์เพื่อคงสภาพผิว และควรฉีดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

เมโสหน้าใส กี่วันเห็นผล ?

หลังฉีดเมโสหน้าใส จะเริ่มเห็นผลว่าผิวหน้าดีขึ้น เนียนใสขึ้น ประมาณ 3 วันหลังฉีด และจะเห็นผลเต็มที่ใน 7-14 วัน 

เมโสหน้าใส อยู่ได้นานแค่ไหน ?

ผลลัพธ์ของเมโสหน้าใส สามารถอยู่ได้ 1-2 เดือน ตัวยาจะสลายไปเองตามกระบวนการทำงานของร่างกาย สลายหมด 100% โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง หากต้องการรักษาสภาพผิวไปเรื่อย ๆ ก็กลับมาฉีดซ้ำได้ ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย  

การดูแลตัวเองหลังทำเมโสหน้าใส

หลังฉีดเมโสหน้าใส คนไข้ควรดูแลตัวเองและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อคงผลลัพธ์และกระตุ้นให้สารบำรุงจากการฉีดเมโสหน้าใสออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น ดังนี้

  • ไม่ควรนวดผิวบริเวณที่ทำทันที เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว
  • งดทาครีมบริเวณรอยเข็ม 1 คืน เพื่อหลีกเลี่ยงการอักเสบของผิว
  • หากเกิดรอยแดง รอยช้ำจากเข็มบริเวณที่ฉีด สามารถประคบเย็นได้ตามคำแนะนำของแพทย์
  • ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อนทุกชนิด ให้อยู่ในที่อากาศเย็น ๆ จะช่วยลดอาการบวมลงได้เร็วขึ้น
  • ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว กระตุ้นการไหลเวียนเลือด และให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้ดีขึ้น 
การดูแลตัวเองหลังฉีดเมโสหน้าใส

ข้อดี-ข้อเสีย ของการทำเมโสหน้าใส

ข้อดี

  • หน้าใสขึ้น ผิวแข็งแรงขึ้น สุขภาพผิวดีขึ้นอย่างปลอดภัยและดูเป็นธรรมชาติ
  • ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้หน้าได้เลย 
  • เห็นผลไวกว่าการทาครีม เมื่อเทียบราคากับผลลัพธ์ที่ได้ การทำเมโสนั้นถือว่าคุ้มค่ากว่ามาก

ข้อเสีย

  • ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่ถาวร ทำให้ต้องฉีดอย่างต่อเนื่องเพื่อคงสภาพผิว

ฉีดเมโสหน้าใส ที่ไหนดี ?

การฉีดเมโสหน้าใสให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก สามารถพิจารณาได้จากมาตรฐานของคลินิก ประสบการณ์ของแพทย์ และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ โดยสังเกตได้จากองค์ประกอบ ดังนี้

  1. คลินิกได้มาตรฐาน
  • เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง มีเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก และแสดงใบประกอบกิจการสถานพยาบาลไว้ให้เห็นอย่างชัดเจน
  • คลินิกควรสะอาด มีห้องหัตถการและพื้นที่กว้างขวาง ไม่อับทึบ
  • อุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ครบครัน ทันสมัย และถูกต้องตามหลักอนามัย
  • ทำเลที่ตั้งเดินทางไปใช้บริการสะดวกและปลอดภัย
  • มีหลากหลายช่องทางการติดต่อ เช่น เบอร์โทร Facebook และ Line เพื่อให้คนไข้สามารถปรึกษาหมอหรือทำการนัดหมายได้อย่างสะดวก โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาไปหน้าสาขา
วิธีการเลือกคลินิกฉีดเมโสหน้าใส
  1. แพทย์มีประสบการณ์
  • เป็นแพทย์ถูกต้องตามกฎหมาย มีป้ายประจำตัวแพทย์และเลขที่ใบประกอบวิชาชีพ
  • มีประสบการณ์ด้านการดูแลผิว สามารถประเมินผิวหน้าและเลือกสูตรเมโสที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคนไข้ แก้ปัญหาได้ตรงจุด 
  • เป็นแพทย์ที่อยู่ประจำคลินิก เพราะจะดูแลเคสได้ต่อเนื่อง และตามตัวได้ง่าย
  • สามารถดูรีวิวจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้เห็นฝีมือของหมอและผลลัพธ์ของเคสนั้น ๆ ก่อนตัดสินใจทำหัตถการ 
ฉีดเมโสหน้าใสกับแพทย์ที่มีประสบการณ์
  1. ผลิตภัณฑ์ที่ใช้มีคุณภาพ
  • สามารถยืนยันหรือตรวจสอบแหล่งที่มาและแหล่งผลิตได้
  • ไม่มีส่วนผสมที่เป็นอันตราย ไม่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์หรือฮอร์โมน
  • ตรวจสอบของแท้ได้โดยการดูจากสติ๊กเกอร์หลังกล่อง สามารถสแกนเพื่อเช็กได้ว่าเป็นของแท้หรือไม่ และที่บาร์โค้ดจะมีชื่อคลิกนิกหรือบริษัทที่ซื้อระบุไว้อย่างชัดเจน
  • ก่อนฉีดคนไข้สามารถขอให้หมอแกะกล่องใหม่หรือผสมยาให้ดูต่อหน้าทุกครั้ง เพื่อความมั่นใจว่าเป็นของแท้
วิธีการดูเมโสแท้

สรุป

เมโสหน้าใส เป็นทางลัดในการบำรุงผิวที่เห็นผลไว หลังฉีดสภาพผิวจะค่อย ๆ ดีขึ้น ปัญหาผิว สิว ฝ้า กระ ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เหมาะกับผู้ต้องการหน้าใสแบบเร่งด่วน ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น เมโสหน้าใสจึงเป็นการดูแลผิวรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน