ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี
ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี? สำหรับใครที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ต้องการปรับรูปหน้า อาจจะมีคำถามในใจว่าฟิลเลอร์มีหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อก็จะแยกย่อยออกเป็นรุ่นต่าง ๆ อีก แล้วแบบนี้จะเลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี? ก่อนอื่นต้องรู้ปัญหาและความต้องการของตนเองก่อนจะเลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี? ที่เหมาะกับปัญหาและเหมาะกับบริเวณที่ต้องการฉีด รวมทั้งรู้ข้อมูลความแตกต่างของฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ โดยเฉพาะฟิลเลอร์ 3 รุ่นยอดนิยม Restylane Juvederm Belotero แต่ละรุ่น มีจุดเด่นอย่างไร? หาคำตอบได้ในบทความนี้
ฟิลเลอร์ฉีดจุดไหนได้บ้าง?
การฉีดฟิลเลอร์สามารถฉีดได้หลายตำแหน่ง สำหรับบนใบหน้ามี 7 จุด ที่ฉีดฟิลเลอร์แล้วเห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุดได้แก่
- ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยเติมเต็มร่องลึก ลดริ้วรอย ทำให้ใบหน้าดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ
- ฟิลเลอร์คาง ปรับรูปหน้าให้เรียวสวย วีเชฟ แก้คางสั้น คางตัด คางถอย
- ฟิลเลอร์ร่องแก้ม แก้ปัญหาร่องแก้มลึก เติมเต็มร่องริ้วรอย ให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัย
- ฟิลเลอร์ปาก ปรับรูปทรงปาก ช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม ชุ่มชื้น
- ฟิลเลอร์ขมับ แก้ปัญหาขมับลึก ขมับตอบ เติมเต็มใบหน้าให้มีมิติ
- ฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากยุบ หน้าผากแบน เสริมโหงวเฮ้ง
- ฟิลเลอร์จมูก เสริมจมูกให้ดูโด่ง เป็นทรงขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยลดถุงใต้ตา เติมใต้ตาสดใส ใบหน้าดูสดชื่นขึ้นได้
คุณสมบัติต่าง ๆ ในทางเทคนิคของฟิลเลอร์ที่ควรรู้
การจะรู้ว่าฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี? คุณสมบัติต่าง ๆ ในทางเทคนิคของฟิลเลอร์ เป็นเรื่องที่ควรรู้เป็นลำดับถัดมา เพราะถึงแม้ว่าจะเป็น สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid เหมือนกัน แต่มีเทคโนโลยีและขั้นตอนในการผลิตฟิลเลอร์ที่แตกต่างกันนี้เอง ทำให้ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกัน
ฟิลเลอร์แต่ละรุ่นมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับปัญหาและตำแหน่งที่ต้องการแก้ไข
- ความแข็ง (Elasticity) ฟิลเลอร์ที่มีค่าความแข็งสูง จะเหมาะกับการฉีดเพื่อปรับยกโครงหน้าในชั้นกระดูก เช่น คาง จมูก ฉีดเพื่อดึงหน้า ฉีดยกผิวชั้นลึกในชั้นกระดูก
- ความยืดหยุ่น (Plasticity, Cohesiveness) ฟิลเลอร์ที่มีค่าความยืดหยุ่นสูงสูง ทนต่อการขยับ จะเหมาะกับการฉีดเพื่อเติมเนื้อในบริเวณที่ผิวมีการขยับบ่อย ๆ เช่น ร่องแก้ม มุมปาก แก้มตอบ
- การกระจายตัว (Tissue Integration) หรือความสามารถในการสมานกับผิวที่อยู่รอบ ๆ เหมาะกับคนที่ผิวบาง ผิวแห้ง เมื่อฉีดฟิลเลอร์แล้วจะไม่เห็นเป็นก้อน และเรียบเนียนไปกับผิว
- ความอุ้มน้ำ (Water Holding) ฟิลเลอร์ที่มีค่าความอุ้มน้ำสูง ฉีด 1 CC ฟิลเลอร์จะสามารถฟูได้ถึง 1.5 CC แต่จะเหมาะกับบางจุด เช่น ร่องแก้ม ขมับ ไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพราะถ้าฟูมากจะดูตาบวม
- จำนวนการเชื่อมพันธะ (Crosslink) ฟิลเลอร์ที่มีจำนวนพันธะเยอะขึ้น จะอยู่ได้นานขึ้น สลายช้าลง และอุ้มน้ำได้น้อยลง ฟูน้อยลง ทนต่อแรงบิดได้ดี มีค่าการกระจายตัวปานกลาง เหมาะกับบริเวณที่ผิวขยับบ่อย ๆ
- ขนาดของเม็ดฟิลเลอร์ (Particle Size) ฟิลเลอร์ที่มีเม็ดใหญ่จะอยู่ได้นานขึ้น และมีค่าความแข็งสูง ค่าการกระจายตัวต่ำ เหมาะกับยกหน้าในผิวชั้นลึกได้ดีที่สุด
การเลือกรุ่นและฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี? นอกจากพิจารณาคุณสมบัติทางกายภาพของฟิลเลอร์เหล่านี้แล้ว ต้องขึ้นกับการประเมินของแพทย์ว่าปัญหาเกิดจากการยุบตัวของผิวในชั้นไหน? ตำแหน่งไหน? และเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับสภาพผิว เพื่อแก้ไขที่สาเหตุของปัญหาโดยตรง ซึ่งจะทำให้ได้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามและดูเป็นธรรมชาติ
ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี
ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี? ปัจจุบันมีฟิลเลอร์หลากหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ แต่ฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย. และได้รับความนิยมในคลินิกเสริมความงามชั้นนำ 3 อันดับแรก คือ
- ฟิลเลอร์ Restylane
- ฟิลเลอร์ Juvederm
- ฟิลเลอร์ Belotero
ตัวอย่างฟิลเลอร์ 3 ยี่ห้อ Restylane Juvederm Belotero
ฟิลเลอร์ Restylane
ฟิลเลอร์ Restylane ฟิลเลอร์สวีเดน เป็นแบรนด์ระดับโลกที่ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งไทย ผ่านการรับรองจากอย. จึงมั่นใจได้ในคุณภาพและความปลอดภัย โดยฟิลเลอร์ Restylane มีหลายรุ่น และใช้ 2 เทคโนโลยีในการผลิต ดังนี้
เทคโนโลยีการผลิตฟิลเลอร์ Restylane ที่ทำให้แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกัน
- NASHA Techology หรือ Non-Animal Stabilized Hyaluronic Acid Technology มีความคงตัว ปลอดภัย และป้องกันการเกิดการแพ้ เนื้อเจลมีขนาดเล็ก ปานกลาง ใหญ่ ไม่เท่ากันในฟิลเลอร์แต่ละรุ่น มีคุณสมบัติในการดึงโมเลกุลของน้ำเข้ามาเก็บไว้กับตัวยาฟิลเลอร์ หลังฉีดฟิลเลอร์จึงไม่ก่อให้เกิดการไหลไปตามบริเวณต่าง ๆ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว คงสภาพอยู่ในร่างกายของเราได้นานประมาณ 6 เดือน-1 ปี
- OBT Technology หรือ Optimal Balance Technology เน้นในเรื่องของความยืดหยุ่น เนื้อเจลมีความคงตัว ยืดหยุ่น สามารถปรับรูปทรงได้หลากหลาย เหมาะสำหรับแก้ไขปัญหาและเติมเต็ม
ฟิลเลอร์ Restylane มีความสามารถในการยกพยุงผิว โดยรุ่นที่นิยมมีดังนี้
- Restylane Perlane Lyft ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความคงตัวสูง ไม่ฟู และสามารถคงรูปได้ดีที่สุด เหมาะฉีดใต้ตา จมูก คาง อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Vital Light ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เจลอนุภาคเล็ก แก้ไขจุดที่มีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมาะฉีดเก็บรายละเอียดใต้ตา ผิวชั้นตื้น ปาก อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- Restylane Volyme ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ใช้เติมชั้นผิวให้อิ่มฟูขึ้น เหมาะฉีดปาก แก้มตอบ มุมปาก ร่องแก้ม อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Restylane Defyne ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เนื้อเจลมีความนิ่มปานกลางและยืดหยุ่นสูง ใช้ฉีดกระดูกที่ยุบตัวในผิวชั้นลึก เหมาะฉีดใต้ตา อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Restylane Refyne ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีลักษณะยืดหยุ่น ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยลึกที่เกิดจากการยิ้ม เน้นการเติมเต็มริ้วรอยเล็ก ๆ เหมาะฉีดปาก ร่องแก้ม มุมปาก อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Classic ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง ออกแบบมาสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยระดับปานกลางถึงมาก ใช้เก็บรายละเอียดใต้ตาในผิวชั้นลึก สำหรับคนผิวบาง เหมาะฉีดใต้ตา ปาก อยู่ได้นาน 12 เดือน
ฟิลเลอร์ Juvederm
ฟิลเลอร์ Juvederm ฟิลเลอร์อเมริกา นำเข้าโดยบริษัท Allergan Thailand (DSKH) ผ่านการรับรองจากอย.มั่นใจได้ในคุณภาพและความปลอดภัย ซึ่งด้วยเทคโนโลยีเฉพาะในการผลิต ทำให้ฟิลเลอร์ Juvederm แต่ละรุ่นมีคุณสมบัติที่หลากหลาย ในการนำมาใช้แก้ปัญหาให้เหมาะกับทุกสภาพผิว
- Hylacross Techology เป็นเทคโนโลยีที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของค่าความอุ้มน้ำได้ดี ทำให้ตัวฟิลเลอร์มีความฟู เนื้อละเอียด เรียบเนียน ทนต่อการขยับ มีความยืดหยุ่นสูง แต่ในการยึดเกาะยังทำได้ไม่เท่ารุ่นฟิลเลอร์ที่ใช้เทคโนโลยี VYCROSS เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณ ร่องแก้ม แก้มตอบ ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่นที่ใช้เทคโนโลยี Hylacross ได้แก่ รุ่น Ultra Plus
- Vycross Technology เป็นเทคโนโลยีที่เด่นในเรื่องของการยกระชับ เพราะมีโมเลกุลยึดเกาะที่หนาแน่น แต่ถ้าเทียบกับตัวอื่น ๆ แล้ว Vycross จะมีอัตราการบวมน้ำหรืออุ้มน้ำน้อยกว่า แต่หลังฉีดยังคงให้ความเป็นธรรมชาติ ดูเรียบเนียนไม่เป็นก้อน เหมาะสำหรับฉีดเพื่อเติมความอวบอิ่มของริมฝีปาก หรือฉีดเพื่อเติมเต็มร่องแก้ม ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่นที่ใช้เทคโนโลยี Vycross ได้แก่ Volite, Voluma, Volift, Volbella และ Volux
ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่นที่ได้รับนิยม มีอยู่ 6 รุ่นด้วยกัน ดังนี้
- Juvederm Ultra Plus ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ฉีดแล้วฟูมาก ทำให้เต็มสวย เหมาะสำหรับฉีดขมับ ปากร่องแก้ม อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Voluma ฟิลเลอร์เนื้อแข็งและฟูปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา คาง ขมับ ปาก ร่องแก้ม อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Juvederm Volbella ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ที่มีความละเอียดมากที่สุด เหมาะสำหรับฉีดหน้าผาก อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Volift ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความละเอียดมากกว่ารุ่น Ultra Plus เหมาะกับคนผิวบาง เหมาะสำหรับฉีดปาก แก้มตอบ มุมปาก ร่องแก้ม หว่างคิ้ว อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Volite ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น มีความเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา บำรุงผิวชุ่มชื้น อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- Juvederm Volux ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีโมเลกุลขนาดใหญ่ จึงมีความยืดหยุ่นสูง ปั้นทรงสวย และคงรูปได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับฉีดคาง ใต้ตา ขมับ ร่องแก้มชั้นลึก อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
ฟิลเลอร์ Belotero
ฟิลเลอร์ Belotero ฟิลเลอร์สวิตเซอร์แลนด์ นำเข้าโดยบริษัท เมิร์ซ เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผ่านการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องโดย อย. สหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) ยุโรป (CE mark) และอย.ไทย มีหลายรุ่นให้เลือกใช้ตามความเหมาะกับแต่ละจุด ดังนี้
- Belotero Intense ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นสูง มีจุดเด่นในการใช้แก้ปัญหาร่องลึกมาก ๆ จากการยุบตัวของเนื้อเยื่อผิวหนัง เหมาะสำหรับฉีดร่องแก้ม เติมแก้มตอบ คาง อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Belotero Volume ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นและคงตัวสูง เหมาะสำหรับฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Belotero Soft ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
จุดเด่นของฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ
- ฟิลเลอร์ Restylane มีความโดดเด่นในเรื่องขนาดโมเลกุลฟิลเลอร์ มีเม็ดใหญ่ช่วยให้อยู่ได้นานขึ้น และมีค่าความแข็งสูง เด่นเรื่องการยกพยุงผิว มีความยืดหยุ่นได้ดี มีให้เลือกหลายรุ่นเพื่อให้เหมาะกับแต่ละตำแหน่ง
- ฟิลเลอร์ Belotero มีหลายรุ่นให้เลือกหลายรุ่นเช่นกัน แพทย์จึงสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม มีจุดเด่นที่เนื้อเจลที่มีความคงตัวมาก สามารถใช้ฉีดเสริมกระดูกและเนื้อเยื่อผิวหนังที่ยุบตัวลงตามวัยได้
- ฟิลเลอร์ Juvederm มีจุดเด่นที่ความเรียบเนียน เหมาะกับการนำมาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ร่องแก้ม ปาก คาง ขมับ และแก้มตอบ
สรุป
จะเห็นได้ว่าไม่มีฟิลเลอร์ยี่ห้อไหน รุ่นไหนที่ดีที่สุด ฉีดได้ทุกจุดและทุกสภาพผิว ฟิลเลอร์แต่ละรุ่นเหมาะกับการใช้ฉีดในจุดต่าง ๆ ของใบหน้าที่ไม่เหมือนกัน
เมื่อเราไปพบแพทย์เพื่อฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะประเมินปัญหา และให้คำแนะนำว่าผิวของเราเหมาะกับฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี? รุ่นไหนดี? พร้อมบอกข้อดีของฟิลเลอร์นั้น ๆ ให้เราเลือกได้ตามที่ต้องการ และเหมาะกับงบประมาณที่มี นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับความถนัดและเทคนิคการฉีดของแพทย์แต่ละคนประกอบกันด้วย
ก่อนฉีดฟิลเลอร์จึงควรรู้ข้อมูลเบื้องต้น ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี? เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ โดยสามารถสอบถามออนไลน์ หรือส่งรูปหน้าไปให้หมอประเมินปัญหาก่อนในเบื้องต้นได้ว่าควรฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี? ที่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด ผลลัพธ์ออกมาสวยงามและดูเป็นธรรมชาติ ปรึกษาออนไลน์ได้ฟรี
หลังฉีดฟิลเลอร์ แก้ปัญหาได้ตรงจุด สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ
รู้ข้อมูลฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี? กันไปแล้ว ในบทความหน้ายังมีคำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับการเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี? วิธีเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่ดีที่สุด ปี 2022 ให้ได้ติดตามกัน